วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

หลักการใช้ชีวิตคู่

คุณขา สมัยเป็นแฟนกันใหม่ๆอยู่คนละประเทศ โทรศัพท์คุยกันหนุนหนิง คุยเป็นนานแสนนานไม่มีเบื่อ น้องอยากได้อะไร เดี๋ยวพี่ซื้อให้ taobao บ้านพี่มีทุกอย่าง ตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ โบราณท่านว่า ขนาดน้ำต้มผักยังว่าหวาน ก็นั้นแหละค่ะ ช่วงโปรโมทชั่นทุกอย่างดีงาม ตดน้องพี่ก็ว่าหอม 5555
แต่คุณขาโปรดจำไว้ ว่านี่มันเกิดจากการหลั่นของสารเคมีในสมองที่มีชื่อว่า PEA (phenyl-ethyl-amine) หรือมีชื่อเป็นภาษาไทยว่า " แอมเฟตามีน " ถ้าหากคุณเดินไปดีๆแล้วสายตาของคุณไปสะดุดกับหนุ่มรูปงาม ซึ่งอาจจะรูปงามสำหรับคุณคนเดียว 555 แต่ขณะช่วยเวลานั้น คุณรู้สึกหัวใจเต้นแรง หายใจถี่ขึ้น รู้สึกกระซุ่มกระซวยเสียวซานทั้งตัว นั้นแหละค่ะ ขอต้อนรับเข้าสู่ บ้านAF คุณคือผู้โชคดี โดนอี แอมเฟตามีน เล่นงานแล้ว สารนี้มันจะย้ายมาอยู่กับคุณตั้งแต่จีบกันใหม่ๆ จะอยู่กับคุณทุกที่ทุกเวลาถึงแม้เวลาที่คุณไม่ต้องการมันมันก็จะตามคุณไป ช่วงที่ความรักมีโปร หรือช่วงที่คุณมี แอมเฟตามีน คนดีๆจะกลายเป็นคนป่วย โรคแรกคือ ย้ำคิดย้ำทำ 555 ทำตัวงอแง๋เหมือนเด็ก นั่งอมยิ้มคนเดียว เดินไปหน้าปากซอย แดดร้อนๆก็เดินยิ้มไป คนอื่นมองก็ว่า อีนี้คงร้อนจนเป็นบ้า คิดไปวนเวียนแต่เรื่องเดิม จิตนาการเพ้อฝันไป บ้างคนถึงขั้นแต่งงาน ทั้งที่เพิ่งรู้จักกัน อาทิตย์เดียว 555 โรคที่สองคือโรคความจำเสื่อม


ญ: ตัวเองกินข้าวกับอะไร อร่อยป่าว?  แล้วก็คุยกันไปไม่รู้คุยอะไร แต่คุยได้เป็นชั่วโมงๆแล้วก็วกกลับมาที่เดิม



ญ: ตัวเองกินข้าวกับอะไรอ่ะ?



ช: เอ้าเมื่อกี๊ตัวเองถามเราไปแล้วนี่ เรากินกับโน่น นี่ นั้น



ญ:เราจำไม่ได้ 55555



ช: ไม่เป็นไรจ๊ะ



แม๋ผู้ชายในช่วงโปรนี้ก็ใจดี เหมือน อดัม ถามได้ตอบได้ ไม่รำคาญเลย พอหมดโปร



ญ;ตัวเองเมื่อกี้กินข้าวกับอะไร



ช: เอ้าก็บอกไปแล้วจำไม่ได้เหรอ เป็นโรคอัลไซเมอร์หรือเปล่า ห๊า !! หา น้ำมันปลากินด้วยล่ะ

โรคที่สามคือโรคอัมพาต ผู้หญิงเราเวลาไม่มีแฟน ถังน้ำใบละ 5 ลิตรเดินแบกขึ้นไปชั้น2ดิฉันก็แบกมาแล้วค่ะ ดิฉันนั้นเป็นลูกชาวไร่ชาวนาอย่างแท้จริง ทน อย่างกระเบื้องตราช้าง แต่พอมีแฟนปุ๊บ มือเท้าดิฉันง่อยขึ้นทันที ในช่วงโปร เวลาจะเดินไปไหน คุณแฟนก็จะจับมือเดิน ประคับประคองอย่างกะดิฉันท้องใกล้จะคลอง  เวลาจะนั่งก็เลื่อนเก้าอี้ให้ จะขึ้นรถก็เปิดประตูรถให้  ดูซิค่ะ จะไม่ให้ฉันตายใจได้อย่างไง เธอนั้นแสนดี แต่พอหมดโปรเท่านั้นแหละ  เอ้า เดินเร็วๆนี้ซิเดี๋ยวรถก็ซนตาย ??? ไอ้ที่จะจับมือข้ามถนนนั้นนานๆทีค่ะ บ้างครั้งฉันกำลังมองดูของข้างทางเพลินๆ เอ้าแฟนต่รู เดินข้ามถนนไปครึ่งทางแล้ว จะเรียกเราแล้วก็ไม่ได้ ทะเลาะกันเรื่องนี้ทีไร นางก็บอกว่า เผื่อเกิดอุบัติเหตุจะได้เหลือไว้คนหนึ่ง รับเงินประกันเหตุผลข้างๆคูๆ  ดูซิค่ะ ช่วงเวลาของซินเดอเรลล่านั้นกำลังหมดลง สำหรับสาร แอมเฟตามีน ฉันเรียกมันว่า สารแห่งการหลอกลวง หลอกให้รัก หลอกให้รออยู่ หลอกให้ฉันทุ่มเทหัวใจ 5555 สารนี้จะมีอยู่แค่เพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น แล้วมันก็จะหมดไปค่ะ แล้วก็จะมีสารใหม่ที่มีฤทธิ์แรงกว่าเข้ามาค่ะ และคุณก็จะปฏิเสธมันไม่ได้เช่นกัน มันคือ โดปามีน (dopamine) โดปามีนนั้นมีสารออกฤทธิ์คล้ายกับยาเสพติด เช่น ยาบ้า ยาอี ยาไอซ์ .ซึ่งทำให้มีความต้องการใกล้ชิด อยากพูดคุย อยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับคนรัก  แต่ถ้าหากวันไดที่เกิดไม่ได้เจอ ไม่ได้เห็นหน้าคนรัก หรือมีเหตุให้ต้องเลิกลากันไป สารนี้ก็จะทำให้คุณเป็นทุกข์ กระวนกระวายใจ นอนไม่หลับ หงอยเหงา เศร้าสร้อย สำหรับใครที่อกหัก หรือรู้สึกว่า คุณแฟนไม่ค่อยสนใจ โปรดเข้าใจว่านี่ อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของการหลั่ง(หรือการทำงานของสารเคมีในสมอง) แต่ทั้งนั้นทั้งนี้เชื่อเถอะค่ะ ว่าการที่คนสองคน มาใช้ชีวิตด้วยกันมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มันต้องใช้ทั้ง สาดและสินคือ สาดที่เอาไว้ ปูนั่ง และ สายสิน ไว้มัดผู้ชาย โอ้ย++ ไม่ใช่ ไม่ใช่ ศาสตร์ หมายถึงยุทธศาสตร์ กลยุทธ วิธีการจัดการ ส่วนศิลป์ คือ ศิลปะ มารวมกันแล้วคือ ศิลปะแห่งการร่ายรำ 55555 มั่วกันไปใหญ่


ดิฉันสนใจในเรื่องนี้มากเป็นพิเศษเพราะพักหลังๆมานี้ คุณแฟนทำตัวห่างเหิน (คิดไปเอง ทั้งๆที่อยู่ด้วยกัน 24 ชม)  ยกเว้นเวลาเข้าห้องน้ำ แต่นั้นมันก็ทำให้ดิฉันเป็นโรคซึมอยู่สามวัน สามคืนเต็มๆ คิดไปต่างๆนาๆ หรือว่าแฟนเราจะมีสามีใหม่ 55555  ฉันก็เริ่มศึกษาอย่างเอาเป็นเอาตาย พบว่า ศาสตร์และศิลป์แห่งการใช้ชีวิตคู่นั้นมีดังนี้



ขั้นตอนที่  1. Romantic Love จะเกิดจากการหลั่งของฮอร์โมนในสมอง ซึ่งมีระยะเวลา ประมาณ 8เดือน ถึง 14 เดือน อาการที่ตื้นเต้น หัวใจเต้นถี่ ประหม่า หน้าแดง อยากเจอหน้าคนที่รัก อยากใช้เวลาอยู่ด้วย กระวนกระวายใจเมื่อเวลาไม่ได้เจอ อาการเหล่านี้จะค่อยๆหมดไปค่ะ จนทำให้คู่รักหลายคู่เข้าใจว่า ไม่ได้รักกันแล้ว ทั้งที่จริงอาจจะรักกันอยู่ เพียงแค่ไม่มีอาการพวกนี้แล้ว

ขั้นตอนที่ 2. reasoning love  คือการเริ่มมองเห็นข้อดีและข้อเสียของคนรัก ซึ่งถ้าหากเรายอมรับทั้งข้อดีและข้อเสียได้ ความรักของเราก็จะพัฒนาไปต่อได้ แต่มีหลายคู่ที่ยุติความสัมพันธ์ในขั้นนี้





ขั้นตอนที่ 3 Life long friendship  จะเป็นแบบอยู่ด้วยกันแบบเพื่อนสนิท อยู่ด้วยกันแบบผูกพันธ์ มีความเอื้ออาทรต่อกัน



ซึ่งก็มีรายละเอียด ย่อยดังนี้ค่ะ



1.รับผิดชอบต่อคู่ของตัวเอง ไม่โทษกัน รับผิดชอบด้วยกัน (เมื่อทำอะไรผิด ไม่พูดว่า ตรูบอกแล้วด๋วยว่าอย่าเฮ็ด เป็นจังใด๋ 5555 อุ๊ยลืม เสียงในฟิลม์อีกแล้วค่ะ) อย่าเว้าเด้อ เดี๋ยวผู้บ่าวรู้สึกบ่ดี เว้าดุดุ เดี๋ยวเขาทิ้งเด่ 555 ( บอกตัวเองนั้น )



2.ป้องกันระบบอื่นๆที่จะเข้ามามีผลกระทบต่อ ความสัมพันธ์อย่างเช่น ครอบครัว พี่น้องปู่ย่าตายาย 555




3.เริ่มแรกมีความสัมพันธ์ของคนสองคน อันนี้สำคัญ *** ต้องเข้าใจอีกฝ่ายว่าต้องการอะไร และจะได้ตอบสนองได้ถูก จะได้ไม่เกิดปัญหา ....ต้องหัดหมั่นสังเกต อย่างแฟนชอบกินเต้าหู แต่ตำส้มตำปลาร้าให้ มีเคือง 555 ต้องหัดสังเกต จดจำ ใส่ใจค่ะ เขาก็จะสัมผสได้ถึงความรักความใส่ใจที่เรามีให้เขา (หรออออออ) แต่ถ้าหากเขาสัมผัสไม่ได้ ก็ให้ท่องเอาไว้ค่ะ ....ช่าง....มัน 5555



4.หาเวลาทำกิจกรรมโน่น นี่ นั้น ด้วยกัน ก่อให้เกิดความใกล้ชิดสนิทสนม เวลาเกิดปัญหาก็ช่วยกันแก้  ทำให้เกิความแน่นแฟ้นขึ้น



5.*****สำคัญมากค่ะ คือความอดทน ต้องประกอบด้วยความรัก ไม่ใช่ทนไปเรื่อยๆ เพราะถ้าหากคุณทนไปเรื่อยๆโดยที่ไม่มีความรัก วันหนึ่งที่คุณเหลืออดคุณก็จะไปเลย ( ไปจังหวัด เลย ) 5555 ไม่ใช่ ไม่ใช่

ค่ะ ***ความอดทน นั้นต้องประกอบด้วยความรัก และการให้อภัย ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือทักษะ สามารถฝึกฝนกันได้  ฝึกบ่อยๆ


6. passion อารมณ์รัก  ทั้งนั้นทั้งนี้หญิงและชายจะต้องมีความรักให้กันเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ความรักจึงจะดำเนินตามขั้นตอนที่ได้อธิบายไว้ขั้นต้น



เวลามีปัญหา ต้องอดทน แล้วก็ทำตัวเหมือนกับฟองน้ำ คือเวลาที่มีน้ำเยอะๆก็สามารถดูด ซึม ซับ ไม่นานก็แห้ง เวลามีแรงกระทบจากภายนอกเราก็ยุบตัวได้ ไม่นานเราก็ฟื้นคืนได้ นี่คือศิลปะในการใช้ชีวิตคู่



และที่สำคัญเวลามีปัญหาต้องมีอย่างน้อย สามทางเลือกขึ้นไป เพราะจะทำให้เราปรับตัวเข้าหากันได้ง่ายขึ้น



เป็นไงล่ะค่ะ สาด และ สิน สำหรับการใช้ชีวิตคู่555 หวังว่่าน่าจะมีประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย แต่ด้วยส่วนตัวฉันเชื่อว่า ผู้หญิงไทยเก่ง ขยัน และอึด มาก 555 อาจเป็นเพราะเราโดนอบรมสั่งสอนมาแต่เด็ก เรื่องความอบน้อมถอมตน การมีสัมมาคารวะ ซึ่งเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว คนไทยใจดี ยิ้มแย้มแจ่มใส มีเสน่ห์ จะอยู่ที่ได๋ก็มีแต่คนรัก และรักนานด้วยเด้อ .....สาธุ


  ต้องขอบคุณ ข้อมูลจาก พ.ญ ภัทรวรรณ ขันธ์แก้ว จิตแพทย์ โรงพยาบาลมนารมย์












ไม่มีความคิดเห็น: