วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เสน่ห์มหานครเซียงไฮ้

สวัสดีค่ะ หายหน้าตาไปเกือบอาทิตย์คิดถึง งานเขียนของตัวเอง แต่ติดภาระกิจตามไปรับใช้คุณแฟน ซึ่งนางถูกเชิญไปบรรยายที่เซี่ยงไฮ้ ซึ่งก็ถือเป็นฤกษ์ดียามดี ถือโอกาสไปเที่ยวซะเลย แถมงานนี้ฟรีเกือบทุกอย่าง ยกเว้นค่าตั๋วเครื่องบินของดิฉันเอง ได้ดูหนังเรื่องเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้มานานแสนนาน จนจะจำเค้าโครงเกือบไม่ได้ จำได้แต่ โจเหวินฟะ สมัยนั้นหล่อมาก 5555  ครั้งนี้มีโอกาสได้ไปเยือนสมใจ
หลังจากเตรียมตัวและเตรียมใจ เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า ตั๋วเครื่องบินพร้อม ใจพร้อม ก็ถึงเวลาบินค่ะ จากเซินเจิ้นไปเซี่ยงไฮ้จะใช้เวลาประมาณ 2ชั่วโมงครึ่ง แต่ดิฉันนั้นต้องบินไปเปลี่ยนเครื่องที่ อีกเมืองหนึ่ง แป๋วจำชื่อเมืองไม่ได้ 5555 ซึ่งไม่จากที่เซินเจิ้นมาเมืองนี้ ประมาณ 1 ชม แล้วก็พักเครื่องอีกหนึ่งชั่วโมง แล้วก้บินต่อ อีกชั่วโมงครึ่งก็ถึง ท่าอากาศยานนานาชาติเซียงไฮ้ผู่ตง ( พักเป็นลมแป๊บ) เหตุที่ดิฉันต้องเปลี่ยนเครื่องเพราะดิฉันเป็นคนขี้งกค่ะ 5555 บ่อตรง ไม่ใช่ไม่ใช่ เพราะดิฉันนำมาคิด ลบบวกคูณหารกันแล้ว ตั๋วเครื่องของดิฉันไป-กลับ ยังถูกกว่าของคุณแฟน ที่ไปขาเดียวด้วยซ้ำ แต่ของคุณแฟนทางฝ่ายจัดงานออกให้ทั้งหมด ดิฉันเป็นคนคิดเยอะค่ะก่อนจะบินก็คิดโน่น นี่ คิดไปจนลืม ใบตม * ซึ่งเป็นใบสีเหลืองๆ เขาให้ดิฉันกรอกตอนมาจากประเทศไทยเข้าเซินเจิ้นครั้งแรก ตายแหละตรู่ ทำไงดี ไม่รู้ว่าเขาได้ใช้หรือเปล่า เป็นครั้งแรกด้วยที่บินภายในประเทศจีน ซึ่งก็คงต้องไปกรอกใหม่ถ้าหากเขาใช้ พอหมดกังวลเรื่องใบ ตม มาตกใจเรื่อง เปลี่ยนเครื่องอีก เขาบอกให้ตรู่ไปเปลี่ยนเครื่องแต่ทำไมไม่มีเอกสารอะไรบอกเลยว่า ต้องไปเก็ทไหน flight No อะไร

ในตั๋วเครื่องบิน บอกแต่ต้นทาง แล้วก็ปลายทาง ดิฉันนี่งงอย่างกะไก่ตาแตก เมื่อ 3 ปีก่อนเคยมาเปลี่ยนเครื่องที่จีนก็จะมีบอกว่า flight No. what time ก่อนจะไปต่อเครื่อง
ให้เลยว่ะ ซึ่งตอนเช็คอินก็ถามพนักงานๆก็บอกแต่ให้ว่า นั่งรอบนเครื่อง แต่พอถึงเมืองที่จะต้องเปลี่ยนเครื่องแอร์ กลับบอกให้ลงไปก่อน ซึ่งเราก็เดินตามคนเขาไป ซึ่งก้จะมีพนักงานยืนถือป้ายบอกว่า สำหรับใครที่จะต่อเครื่องไปเซียงไฮ้ให้เข้าไปนั่งรอในเก็ทก่อนและให้กระดาษมาแผ่นหนึ่ง ประมาณนี้ค่ะ 


 ส่วนสำหรับใครที่มีจุดหมายที่นี้ก็จะเดินไปอีกที่  ซึ่งดิฉันก็นั่งรอ โดยที่ไม่รู้อะไรเลย โดยหน้าจอทีวีไม่ขึ้นโชว์ด้วยซ้ำว่า จะบินกี่โมง flight อะไร ซึ่งก็มีแต่ประกาศเป็นภาษาจีนเท่านั้น ดิฉันก็เดินไปถามคนจีนคนหนึ่งคิดว่า เขาหน้าจะพูดภาษาอังกฤษได้ แต่ สิ่งที่ได้รับคือ พูดไม่ได้ หรือไม่อยากพุดกับเราอันนี้ไม่รู้ หน้าบึ้งใส่อีก คนจีนคนดีก็มีน่ะค่ะ แต่ส่วนมากที่เจอคือ เขาไม่ค่อยมีน้ำใจ ก็เลยเดินต่อไปอีกไปถามอาซิ่ม แกก็ใจดีทั้งที่แกพูดอังกฤษไม่ได้ แกก็กดโทรศัพท์ให้ดู ว่าอีก 1 ชม ซึ่ง 1 ชม ต่อมาก็ขึ้นเครื่องๆที่บินมาจากเซินเจิ้นนั้นแหละค่ะ แต่ไปจอดส่งผู้จะลง รับผู้โดยสารคนใหม่ เหมือนรถบัสบ้านเรา หลังจากนั้นอีก ชม ครึ่งก็ถึง ท่าอากาศยานนานาชาติเซียงไฮ้ผู่ตงซึ่งผู้ดิฉันเคยมาเมื่อ 3 ปีที่แล้วตอนเปลี่ยนเครื่องไป กรุงโซล ประเทศเกาหลี แต่ครั้งนี้แอบตื่นตาตื่นใจเล็กน้อยเพราะว่าที่สนามบินได้เปลี่ยนไปมากมีการประดับตกแต่ง จัดเป็นโซน โน่น นี่ นั้น สวยงามขึ้นมาก ไม่เหมือนสุวรรณภูมิบ้านเรา เริ่มแรกเป็นอย่างไง ตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้น ( แอบบ่น 555) 









และแล้วช่วงเวลาที่สำคัญและรอคอยก็มาถึง เดินตามเขากับอ่านป้ายด้วย ไปแผนกรับกระเป๋า ห๊า!! ไม่ต้องผ่าน ตม ไม่ต้องเขียนอะไรทั้งสิ้น แค่ลงจากเครื่อง แล้วเดินตามเขามา รับกระเป๋าเสร็จก็เดินออกไปที่ประตู ซึ่งคุณแฟนซึ่งมาถึงก่อน ก็รอรับที่นั้น  เสร็จศึก 5555  
หลังจากนั้นก็เรียกใช้บริการ Uber ไปโรงแรม ซึ่งคิดว่า Uberที่นี้แพงกว่าเซินเจิ้นและปักกิ่งด้วยซ้ำ พอไปถึงโรงแรมเช็คอิน ก็มีปัญหาเล็กน้อยเกี่ยวกับวีซ่าค่ะ คือทางเราไม่มีปัญหา แต่ทางรีเชฟชั่นไม่เข้าใจเรื่องการนับวีซ่าเข้าออก ต้องยืนอธิบายนานพอสมควร หลังจากที่ชีเข้าใจเป็นอย่างดีแล้ว ชีก็ต้องโทษยกใหญ่ เอ่อ เพลียจริงๆค่ะ  พอเอาของไปเก็บเสร็จก็ไปกินข้าวกับฝ่ายจัดงาน พร้อมทั้งทราบรายละเอียดของงานสำหรับพรุ่งนี้  หลังจากกินข้าวเสร็จ เรื่องงานเสร็จก็ถึงเวลาไปลั้นลา ท่องราตรีในเซียงไฮ้ 


เรานั่งแท็กซี่ ลอดอุโมงข้ามแม่น้ำผู่ตงค่ะ อเมซิ่งมาก 555


ไปเดินเล่นแถว The Bund   ซึ่งอาคารมีสถาปัตยกรรม คล้ายๆในยุโรปค่ะเหมือนกำลังเดินเล่นในกรุงปารีส 555 ส่วนเดินข้ามถนนมานิดหนึ่งก็จะมีทางเดินที่กว้างมาก มองไปฝั่งตรงข้ามมีแต่ตึกสูงๆ มีรูปทรงแปลกตาทั้นนั้น





เมื่อมองไปฝั่งตรงข้าม




คิดว่า ถ้าหากเเป็นช่วงกลางวัน หรือตอนเช้าต้องสวยมากๆค่ะ 

................................................
พอถึงตอนเช้าคุณแฟนก็ไปทำงาน ดิฉันก็มีหน้าที่ติดตามไป ...สร้างภาระให้เขา 555 ที่ๆคุณแฟนทำงานเป็นตึกสูงหลายสิบชั้น ดิฉันเลยเก็บภาพวิวสวยๆของ กรุงเซียงไฮ้มาฝากค่ะ 






เซียงไฮ้ สวยงามมากจริงๆค่ะ อาการช่วงที่ไปอากาศก็กำลังดี ตกหลุมรักเลยค่ะ 


มีดอกไม้หลายสายพันธ์ถูกปลูกเต็มไปหมด 
.........................................
หลังจากทำงานเสร็จ คุณแฟนก็พาไปไหว้พระที่วัด Jing'an  ซึ่งเสียค่าเข้า คนละ 50หยวนหรือประมาณ 250บาท สองคน 500   แพงอ๋ะ 
พาคุณแฟนไหว้พระขอพร ขอให้ธุรกิจเฮง เฮง รวยๆค่ะ 





เสร็จแล้วเราก็ไปเดินเล่นต่อ ที่ French Concession ย่างช้อปปิ้ง ซึ่งคุณแฟนก็คะยั้นคะยอให้ดิฉันช้อปปิ้ง ซึ่งก็ไม่ได้กินเงินดิฉันอีกเช่นเคย ดิฉันรู้สึกว่า ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ครีม รองเท้า ที่เมืองจีนนั้นแพงเหลือเกิน ดิฉันเก็บเงินไปช้อปที่ฮ่องกงถูกกว่า 555 ดิฉันไม่ได้ช่วยแฟนประหยัดเกินเหตุน่ะค่ะ แต่ดิฉันนั้นถือคติว่า เงินแฟนก็เหมือนเงินเรา เพราะ 99 % ดิฉันนั่นเป็นคนถือกระเป๋าสตางค์ ดิฉันเสียดายถ้าหากใช้เงินฟุ่มเฟือย เราสองคนทำงานกันวันละหลายสิบชม. เหนื่อยกว่าจะได้ตังค์ 5555 เขาเรียกว่า งก หรือเปล่าอ่ะ คงไม่หรอกเนอะ 
.............................................
พอถึงรุ่งขึ้นดิฉันตื่นเช้ามาก เพราะดิฉันนั้นมีไฟท์ 9.05 เลยต้องตื่น 6โมงเช้าค่ะ เช็คเอาท์เสร็จ นั่งแท็กซี่ไปสนามบินอีกทีชื่อว่า  สนามบินหงเฉียว ซึ่งคล้ายๆกับสนามบินดอนเมืองบ้านเราค่ะ พอไปถึงเราก็เช็คก่อนค่ะว่า สายการบินของเรานั้น อยู่ในช่องไหนA B C D 






แล้วเราก็มาเช็คอินที่ตู้ค่ะ สะดวก รวดเร็วด้วยค่ะ แต่ต้องไปที่หน้าเคาร์เตอร์ แล้วก็ดูด้วยน่ะค่ะว่า สายการบินไหน หน้าตาจะเป็นแบบนี้ค่ะ

คุณแฟนกำลังเช็คอินให้ค่ะ :-)

พอเช็คอินเสร็จก็จะได้ ตั๋วเครื่องบินออกมาแบบนี้ หลังจากนั้นถ้าหากเราไม่มีสัมภาระก็เดินเข้าไปข้างในได้เลยค่ะ แต่ถ้าหากมีกระเป๋าจะต้องโหลด ก็ไปโหลดกระเป๋าที่เคาน์เตอร์

พยายามถามคุณแฟนว่า ตอนที่ไปโหลดกระเป๋านั้น ต้องไปโหลดที่ช่อง web check in หรือว่าช่องไหนก็ได้ นางบอกว่า ที่ช่องไหนก็ได้ ถ้าหากไม่มีคน ...
เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ สำหรับทริปตามคุณแฟนมาเที่ยว ขอบคุณที่กรุณาอ่านจนจบ ถ้าหากมีอะไรอยากสอบถามเพิ่มเติมถามได้เลยค่ะ หรือติคอมเม้นท์ได้ค่ะแต่อย่าแรง 5555 เป็นคนขี้ใจน้อยค่ะ เดี๋ยวโรคหัวใจกำเริ่บ 5555 อืมสำหรับวันนั้น ดิฉัน flight delay ไป 3ชมค่ะ จาก 9.05 นเป็น 12.45 น
ส่วนคุณแฟนน่าสงสารสุดๆ จาก 10.45น เป็น 18.45น แต่คนที่น่าสงสารยิ่งกว่าคือดิฉันเอง เพราะต้องนั่งรอคุณแฟน จนถึง 21.00น เพราะกุญแจห้องอยู่กับนาง เวรกรรม ........
ดอกกุหลาบดอกแรกที่คุณแฟนมอบให้ เกือบจะซึ่ง ถ้าหากไม่เห็นนางหยิบมาจากแจกันโต๊ทานข้าวซะก่อน ....อืม

ไม่มีความคิดเห็น: