วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ตามหาหมอฟัน

คุณ คุณขา ปวดอะไรก็ไม่ทุกข์ทรมานเท่ากับปวดฟัน ปวดฟันนี้ ถ้าหากมันปวดมาก มันจะปวดตุ๊บ ตุ๊บ ตามจงหวะการเต้นของหัวใจค่ะ ทั้งเนื้อทั้งตัวที่หมดเงินไปกับมันมาที่สุดก็คงไม่พ้น หมดไปกับ เรื่อง ฟัน ไม่ว่าจะเป็น การจัดฟัน  (เปลี่ยนหมอมา 3 ที) อุดฟัน ไม่อยากจะคิดว่าให้เจ็บปวดหัวใจ ว่า จ่ายไปเท่าไร บ้างคนบ้างท่านอาจจะติเตียนว่า ดิฉันเป็นคนไม่มีวินัย ไม่ได้ไปตามนัด คิดไปต่างๆน่า ๆ แต่ช้าก่อนค่ะ ดิฉันนั้นไปหาหมอเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อเปลี่ยนลวดดัดฟัน จ่ายก็ 2 ครั้ง เพราะอยากให้มันเสร็จๆซะที นี่ยังไม่นับไปรักษารากฟัน ไปอุดฟัน ไปขูดหินปูน  ดิฉันเจอหน้าหมอฟันบ่อยกว่าเจอหน้าของพ่อแม่ของตัวเองซะอีก.......บ้างครั้งดิฉันก็คิดว่า จะเอาหมอฟันซะให้มันรู้แล้วรู้รอด (หมายถึงหาหมอฟันเป็นแฟนซะ555)  เพราะแค่คิดกับเงินที่หมดไปกับการรักษาฟัน ดิฉันก็สามารถเอาเงินส่วนนั้นไปหมั้นคุณหมอได้แล้วค่ะ ดิฉันไม่ได้แค่คิดอย่างเดียวน่ะค่ะ แต่ลงมือปฏิบัติเรียบร้อย เวลามีนัดไปทำฟันครั้งใด ดิฉันก็ส่งสายตาหวานเยิ้มไปถึงคุณหมอรูปงาม แต่คุณหมอก็หามีปฎิกิริยาใดๆ ตอบสนองไม่ คุณหมอคงคิดอีนี่มีปํญหาเรื่องสายตาหรือเปล่า 5555แต่ไม่รุ้ว่าเป็นบุญหรือกรรมถ้าหากดิฉันมีแฟนเป็นคุณหมอ  (มโน )ป่ี้านนี้ อาฟ่งของฉันก็คงนอนเหงาป่าวเปลี่ยวใจ 5555

เรื่องที่ทำให้ดิฉันเจ็บปวดใจ นอนสะดุ้งทุกคืนคงเป็นเรื่องอื่นไม่ได้ นอกเสียจากเรื่องฟัน เรื่องมีอยู่ว่า ก่อนที่จะมาเมืองจีน ดิฉันนอนปวดฟันอยู่หลายคืน แก้มนี่บวมอย่างกะไข่ห่าน จนในที่สุดทนไม่ไหว  ก็เลยตัดสินใจไปคลินิกทันตกรรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพ #1 คุณหมอบอกว่าต้องอุดฟันราคาค่าอุดกับค่าเอ็กซ์เรย์ รวมทั้งหมด 1200 โอเคฉันก็จ่ายพร้อมกับร้องตะโกน (ในใจ) ให้หมดเวรหมดกรรมกันซะที อาทิตย์ต่อมา ครบอาทิยต์แปะ เริ่มเสียวฟัน ที่จุดเดิม อืมหรืออาจจะเป็นเพราะผลข้างเคียง (ยังเข้าข้างตัวเอง) ปวดบ่อยๆนานๆเข้า ทนไม่ไหว ก็เลยไปหาหมอที่นี่ย้ายคลีนิก มาคลีนิกข้างๆบ้าน#2คุณหมอก็หาไม่เจอว่า ฟันเล่มไหนที่ผุ เพราะมองไม่เห็น ก็เลยรื้อของเก่า แล้วอุดใหม่ เสียอีกครั้ง 1300 รวมค่าเอ็กซ์เรย์ 10วันต่อมา ปวดอีก ใกล้ๆซี่เดิมไปหาคุณหมอ ที่คลีนิกเดิม#3 คุณหมอก็อุดให้ซี่ข้างๆ จ่ายไป 900 ยังไม่ถึงเดือนซี่แรกที่อุดไป ยังปวดอีก ปวดจนแก้มบวม ปวดจนอยู่ๆน้ำตาก็ไหล ....กลับไปหาคุณ#4หมอคลีนิกเดิมเพราะติดใจในความหล่อ+ค่าเอ็กซ์เรย์+กับค่าโง่ของตัวเองหมดไป 1100แล้วคุณหมอรูปงามก็ พูดว่า "ถ้าหากอุดครั้งนี้ยังปวดอยู่ ก็คงต้องรักษารากฟันแหละครับ ค่ารักษารากฟันทั้งหมด 5000 แบ่งจ่ายได้ครับ พร้อมกับโชว์รอยยิ้มที่แสนหวาน .......ส่วนดิฉันเป็นลมตั้งแต่นาทีแรกแรก ทำไมคุณหมอถึงไม่บอกตั้งอุดครั้งแรก ถ้าหากนับเงินรวมกัน รักษารากฟันได้ ซี่ครึ่งแหละ ตอนนี่นั่งเขียนไปก็ยังโมโห จิตเกิด คุณๆขาเดี๋ยวนี้คลีนิกทันตกรรมกลายเป็นธุรกิจเชิงพานิย์ไปซะแล้ว สมัยก่อนดิฉันไปหาหมอจัดฟันเดือนละ 2 รอบ แทบจะไม่ได้คุยกับคุณหมอ ถ้าหากไม่ยกมือขึ้นแล้วมีคำถาม เพราะ คนไข้รอคิวเยอะเหลือเกิน

จากอีสานบ้านเกิดเมืองนอน มาเล่นละครบทชีวิตเศร้า555 หนูหิ่นอินเตอร์ หลังจากบินมา เซิ่นเจิ้นไม่ถึง 10วัน ฟันซี่นั้นซี่เดิม ก็แสดงอิทธิฤทธิ์อีกครั้ง เคี่ยวๆอยู่ถ้าหากเศษอาหารโดนจุดปวด มันจะทำให้คุณเกิดสามาธิขั้นสุดยอด คุณจะปล่อยวางทุกสิ่ง เหลือไว้เพียงมือข้างที่คุณปวด เพื่อใช้กดไปที่ฟัน(ที่จริงมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรทางการรักษา แต่มันช่วยทางจิตวิทยา 555 คุณแฟนก็เลยทำการ search หาข้อมูล ก็ไปได้คลีนิกหนุ่งใกล้ๆที่ทำงานค่ะ ไปถึงคุณหมอก็เรียกเข้าห้อง ขึ้นเตียงเช็คฟัน โดยมีคุณแฟนเป็นล่าม (มีใครคิดเหมือนกันหรือเปล่าค่ะ หมอฟันที่จีนส่วนมากพูดภาษาอังกฤษไม่ได้)  พอคุณหมอเช็คเสร็จก็หันหน้าไปคุยกับคุณแฟน ภาษามนุษย์ต่างดาว (ตอนนั้นภาษาจีนแย่มากค่ะ ณ ปัจจุบันก็ยังเหมือนเดิม 555แล้วจะพูดทำไม ) สรุปว่า คุณหมอบอกว่า ฟันของดิฉันแข็งแรงดีทุกอย่างไม่มีฟันผุเลย........เหรอออออ แล้วที่ก_ กินยาพาราเกือบแผง มันคือ ? ฟันก็ปวด ศูนย์ก็ศุนย์ คุณแฟนเห็นสีหน้าคงรู้ว่าอีกไม่ช้าจะมีพายุเข้า นางก็เลยรีบ  ค้นหาคลีนิกอีกครั้ง ครั้งนี้นางรับปากเลยว่า เขาต้องหาฟันผุของเธอเจอแน่ มันเป็นโรงพยาบาลใหญ่เลยน่ะ เครื่องไม้เครื่องมือครบ ก็หอบสังขารกันไป ไปถึงเป็น hong kong university hospital in shenzhen  นี่คือลิงค์ค่ะเพื่อใครมีอะไรฉุกเฉิน http://www.hku-szh.org/en/index.html เป็นโรงพยาบาลใหญ่ ดูทันสมัย คุณแฟนก็รีบไปติดต่อเคาเตอร์ กรอกรายละเอียด สอบถามบัตรคิว ปรากฎว่า ได้คิวเป็นวันที่ 4 เมษายน ซึ่งวันนั้นน่าจะเป็นวันที่ 6มีนา โอ้ย!จะอุดฟันสักที ต้องจองคิวข้ามเดือน ถ้าหากรักษารากฟันไม่ต้องข้ามปีเหรอค่ะ อืม จิตเกิด เหมือนคุณแฟนจะสัมผัสได้ ถึงความอำมหิตนางเลยรีบค้นหาคลีนิกที่ใหม่ ซึ่งที่นี้ไม่ไกลจากที่ทำงาน

ซึ่งที่นี้เป็นคลีนิกขนาดปานกลางไม่ใหญ่ไม่เล็กมาก มีประมาณ 4-5 ห้อง กะด้วยสายตา 555 แต่คุณหมอเก่งมากค่ะ ไปเจอเป็นคุณหมอผู้หญิงตัวเล็กๆ แทบไม่ต้องเอ็กซ์เรย์เลย นางก็บอกว่า ฟันมันผุน่ะ ข้างในเลย ต้องรักษารากฟันอย่างเดียว ประทับใจนางมากแต่ที่เข้าใจนางพูดเพราะคุณแฟนเป็นล่ามแปลให้ฟัง ค่ะ ก็รักษารากฟันไปตามระเบียบ ขั้นตอนการรักษาคงไม่ต้องบรรยายหรอกเนอะ เพราะว่ามันน่าเกลียดมาก และตอนนั้นดิฉันก็อับอายมาก ไหนจะคุณหมอ ผู้ช่วยคุณหมออีก 2 คน ไหนจะคุณแฟนที่จะต้องมาเป็นล่ามจำเป็น 4-5 คนมามุงดูฟันเน่าๆของตัวเอง ณ ตอนนั้นดิฉันแกล้งตายเหมือนหมี ใครถามอะไรก็เอ่อ ออ หมด เพราะอยากให้มันเสร็จเร็วๆ จ่ายไป 800 หยวนดิฉันจ่ายครั้งเดียว ไม่รู้ว่าเขามีแบ่งจ่ายเหมือนไทยไหม แล้วก็มาพบคุณหมออีก 2 รอบ สรุปคือ ดิฉันรักษารากฟันโดยพบคุณหมอ 3 รอบ นับรวมกับวันแรก เสียค่าใช้จ่ายทั้งหมด 4000 บาท คิดเป็นเงินไทย ประทับใจคุณหมอเก่งและน่ารักมาก  สำหรับใครที่อยู่ เซินเจิ้น มีปัญหาเรื่องฟัน สามารถไปที่คลีนิกนี้ได้ค่ะ อ่านไม่ออก 5555 ไม่รู้ชื่ออะไร 5555 แต่มีนามบัตร หรือโทรไปสอบถามราคาได้ค่ะ (ถ้าหากคุณ หรือ มีเพื่อน หรือ มีแฟนพูดภาษาจีนได้) แต่สำหรับภาษาอังกฤษไม่มั่นใจค่ะ ลองดูค่ะ เพราะเคยมีนัดหนึ่งที่คุณแฟนไปด้วยไม่ได้ นางติดงาน วันนั้นดิฉันกับคุณหมอ เราสื่อสารกันทางมือค่ะ หมายถึง ใช้มือพิมพ์ used google translate ซึ่งอากู๋บ้างทีก็ eeror บ้างครั้งก็แปลรวน  แปลความหมายไปคนละทิศเลย......เอ้ย ทำใจ





สำหรับดิฉันยังมีอีก 3 ซี่ที่จะต้องไปอุด คุณแฟนบอกว่า เงินเดือนๆนี้คงไม่พอกับค่ารักษาฟันเธอ 555 ทำไงได้ คงได้แต่ทำใจ 


ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ติดตามอ่าน สาวชัยภูมิกับหนุ่มจีนค่ะ ถ้าหากมีอะไรจะสอบถามหรือติชม สามารถคอมเม้นท์ได้เลยค่ะ สัญญาว่าจะหาเรื่องราวใหม่ๆมาเล่าสู่กันฟังค่ะ 

ด้วยรัก ลัดดาวัลย์

ไม่มีความคิดเห็น: