วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2559

จีนก่อนมา


            สมัยตอนที่อยู่เมืองไทย ได้อ่านข่าวเกี่ยวกับคนจีน ที่ไร ละเหี่ยใจทุกที ถ้าหาก ไม่ไปขี้ใส่วัดร่องขุ่น ก็ไปสาดน้ำใส่แอร์โอสเตสบนเครื่อง คืออ่านข่าวทีไรก็ได้แต่ถอนหายใจ และด้วยที่เคยทำงานโรงแรม และได้สัมผัสถึงความเป็นตัวตนของคนจีนด้วยแล้ว คุณขาาา...มันอเมซิ่งมากกกค่ะ (ต้องวงเล็บลากเสียงยาวเลยน่ะค่ะ ) แต่ถึงแม้เสียงคุณจะดังขนาดไหน ก็จะไม่วันสู้เขาค่ะ คุณต้องตะโกนค่ะ อย่ายอมเขา อย่าอาย ทัวร์คนจีนมาแต่ละครั้ง ดิฉันต้องเตรียมยาแก้อมเจ็บคอไว้ กว่าจะเช็คอินเสร็จวุ่นวายมากค่ะ เหมือนตลาดแตก แต่มีอยู่กรุ๊ปหนึ่งมาเช็คอินประมาณ 10 คน ทั้งกรุ๊ปเงียบมาก "ดิฉันสัมผัสได้ว่า.....(ริว จิตสัมผัส ) มีพลังบางอย่าง.....มันไม่ใช่ .55555   เออไม่ต้องคิดเยอะหรอกค่ะ คุณผู้อ่าน เขาแค่เป็นใบ้กันค่ะ 55555  ทั้งกรุ๊ปก็เลยเงียบอย่างเป่าสาก แต่พอดีหลังจากลูกค้ากรุ๊ปนั้นเช็คอินเสร็จ มีทัวร์มา ดิฉันก็โทรตามให้...ก็โทรเป็นนานสองนาน  ก็ไม่มีใครรับ ดิฉันก็ตกใจนึกว่า ลูกค้าเป็นอะไรหรือเปล่า ก็เลยขึ้นไปเคาะที่ห้องก็ไม่มีใครเปิดประตู ยังดีที่แม่บ้านเดินมาบอกว่า "เขาไม่พูดกันน่ะ เขาใช้ภาษามือกัน" (แม่บ้านเป็นคนเขรมน่ะค่ะ พู๊ดภาษาไทยไม๊ชัด เอ่อฉันลืม



 ยิ่งได้ฟังเดี่ยว ที่พี่โน๊ตพูดถึงเมืองจีน ยิ่งทำให้ฉันหยี้หนักมาก แต่ดิฉันต้องออกตัวก่อนเลยน่ะค่ะ ว่า ดิฉันชอบดูหนังจีน (เพราะพระเอกหล่อ ไม่ทำศัลยกรรม ) ดิฉันชอบศึกษาประวัติศาสตร์จีน และอยากมาเที่ยวเมืองจีน แต่กลัวการใช้ห้องน้ำสาธารณะจีน (เกี่ยวกันไหม ??? ) คงเกี่ยวอยู่เนอะ ก็สรุปว่า ญาติกาพี่น้องเพื่อนฝูง ไม่มีใครคิดว่า ดิฉันจะมีแฟนเป็นคนจีน เพราะไปว่า เขาไว้เยอะ พระท่านว่าเกลียดสิ่งไหนเราจะได้สิ่งนั้น แม่ฉันสอนเป็นประจำ แต่ฉันก็บอกแม่ว่า ไม่เอาหรอก_ัวจีน ยังไม่อยากหูตึง แต่วันที่ฉันบอกแม่ว่า แฟนฉันเป็นคนจีนเท่านั้น ท่านแม่ของดิฉันถึงกับสำลักคำข้าว 55555  ถามย้ำอยู่สามรอบ แล้วก็พูดว่า " กุว่าแล้วด่วย ไป๋ว่าเขาหลาย เป็นหยังไร (เสียงในฟิมส์)  ค่ะ เกลียดปลาไหลแต่กินน้ำแกง มันใช้ได้หรือเปล่า คุณผู้อ่านขา ตอนนั้นดิฉันก้ได้แต่ทำใจ เพราะโดนเยาะเย้ยหนักมาก.....(แสดงเป็นนางเอกน้ำตาจิไหล) คุณผู้อ่านอาจจะสงสัยว่า แฟนฉันเป็นเงาะป่าจริงหรือ หรือแฟนดิฉันอาศัยอยู่บนดอย ด้อยพัฒนา คุณผู้อ่านไม่ต้องไปสงสัยในตัวแฟนดิฉันค่ะ เขานั้นเพียบพร้อมและดีงาม แต่ที่ทุกคนต่างเยาะเย้ยถางถ้างดิฉันนั้นเพราะเขา สมน้ำหน้าดิฉัน 55555  แต่ไม่เป็นไร ได้แฟนดีเหมือนถูกล็อตเตอรี่ ไอด้อนแคร์ ....



  หลังจากได้เรียนรู้กันมาได้สักพัก ก็ถึงเวลาต้องขยับความสัมพันธ์ หอบสังขารระหกระเหินบินมาหาที่เมืองจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ก่อนที่จะบิน คุณขาชีวิตดิฉันวุ่นวายมากค่ะ ดิฉันกลัวโน่นนี่นั้น กลัวร้อยแปด วันจะบินกระเป๋าดิฉันหนักถึง 38กก ทั้งๆที่สายการบินกำหนดให้แค่ 20 กก หลายท่านอาจสงสัยมันหอบ_่า อะไรไปว่ะ ดิฉันทราบว่า หลายท่านอาจจะคิดไม่ถึง ภายในกระเป๋าดิฉันนั้นมีตั้งแต่ ตะใคร้ ขิง ข่า ใบมะกรูด ตามด้วยปลากระป๋อง 10 กระป๋อง น้ำปลา ซอสหอยนางรม ซอยถั่วเหลือง น้ำจิ้มสุกี้ น้ำพริกเผา น้ำพริกตาแดง มาม่านี่(คุณแฟนสั่งว่าต้องเอาแบบกระป๋องมาเท่านั้น แบบซองไม่เอา ) คือเรื่องมากอีก กระเป๋าแทบจะไม่มีที่ เสื้อผ้ากางเกงนงกางเกงในได้มาไม่กี่ชุด เพราะคิดว่าเดี๋ยวค่อยมาซื้อเอาดาบหน้า เสื้อผ้าเมืองจีนแสนจะถูก รองเท้าได้มาคู่เดียว คือคู่ที่ใส่มา ส้นสงส้นสูง ยัดใส่กระเป๋าไม่ได้  ขอให้ท่านผู้อ่านคิดภาพ ว่าดิฉันนั้นเป็นคนเรื่องเยอะ กระเป๋าเดินทางนั้นที่สุด เอาออกแล้ว เอาออกอีก 3 รอบ แล้วแบกกระเป๋าไปชั่งน้ำหนักที่หน้า 7-11 น้ำหนักก็ยังเกิน สุดท้ายได้ไปเอาออกที่สนามบินอีก 8 กก ไอ้น้ำพุดน้ำพริก ซอส น้ำปลา ปลากระป๋อง เอาออกเรียบค๊า เพราะสู้ราคาค่าน้ำหนักเกินไม่ไหว * ถ้าหากเป็นสายการบิน shenzhen Airline น้ำหนักกระเป๋าจะคิดกิโลละ 250 บาท ทางสายการบินให้แค่ 20 กก เท่านั้น แต่ตอนที่มาก็เห็นน้องที่มาเรียนต่อที่เมืองจีนเกินไป 3 กก ก็ขอได้ หมายถึงขอพนักงานสายการบินตอนที่เช็คอิน คนไทยส่วนมากใจดี ยวน ยวน 

พอคนพร้อม กระเป๋าพร้อม ส่วนใจนัั้นพร้อมไปนานแล้วหล่ะ ก็ถึงเวลาบินจากสุวรรณภูมิใช้เวลาประมาณ 3ชั่วโมง 50 นาทีถึงสนามบิน Shenzhen Bao'an international airport .สนามบินใหญ่ม๊ากกก....เหมือนเที่ยบเท่ากับสุวรรณภูมิเลย แต่ช่วงที่มาคนไม่ค่อยเยอะเท่า แต่ขอชื่นชม immigration ที่นี่ค่ะ ทำงานเร็วมากก.....พอผ่าน immigration ก็มารอรับกะเป๋า ได้กระเป๋าเดินออกมาก็เจอคุณแฟน 55555






นี่เป็นภาพถ่ายบ้างส่วนของ สนามบิน  Shenzhen Bao'an international airport   













ไม่มีความคิดเห็น: